ฉีดโบท็อก กับ ฉีดฟิลเลอร์ เปรียบเทียบกันชัด ๆอย่างไหนเหมาะกับเรา
หลายคนคงสับสนระหว่างสองนวัตกรรมนี้ว่ามีข้อแตกต่างอย่างไร เพราะทั้งสองต่างมีส่วนช่วยในการลบเลือนริ้วรอย และปรับปรุงโครงหน้าได้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้หลาย ๆคนจึงนิยมเสริมความงามด้วย 2 วิธีนี้ เพราะพอฉีดปุ๊บสวยขึ้นปั๊บ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายในระยะเวลาไม่นาน หรือหลังทำเสร็จทันทีอีกด้วย
ในบทความนี้ Juvenile clinic จะช่วยทุกคนไขปริศนา ให้ทราบเกี่ยวกับข้อแตกต่าง คุณประโยชน์ และมีข้อควรระวังอย่างไร เพื่อให้ทุกคนสามารถนำสาระข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ ก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อก และ ฉีดฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์ VS ฉีดโบท็อก มือใหม่ต้องรู้! ต่างกันยังไง? ทำอันไหนดี?
การ ฉีดฟิลเลอร์ คือการเติมเต็มสารไฮยาลูโรนิค แอซิด เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้มีความอิ่มน้ำ เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปบนใบหน้า ซึ่งหัตถการนี้สามารถแก้ไขปัญหาเเบบชั่วคราวได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ เมื่อครบกำหนดเวลาถ้าเป็นฟิลเลอร์ของเเท้ 100 % ก็จะต้องสลายหายไปตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างให้เป็นอันตราย
โบท็อก หรือ Botulinum toxin ทำหน้าที่เหมือนเตารีด ซึ่งมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อให้หยุดทำงานชั่วคราว เมื่อคุณหมอ ฉีดโบท็อก เข้าไปบริเวณกราม หน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้วของคนไข้ กล้ามเนื้อตรงจุดนั้นจะเริ่มคลายตัวเเละอ่อนเเรงลง ผลลัพธ์หลังฉีดจะทำให้ใบหน้าเราจะเรียวเล็ก วีเซฟ กรอบหน้าคมชัด ไร้ริ้วรอยเหี่ยวย่น อย่างเป็นธรรมชาติ
เลือกอะไรดีระหว่าง ฉีดโบท็อก กับ ฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ (Filler) : เป็นสารเติมเต็มที่ช่วยให้หน้าเต็มละมุน ฟิลเลอร์ถึงใช้เพื่อเติมเต็มความสวยให้ละมุนได้ เติมเต็มใส่ไปในส่วนที่หายไป หน้าที่ยังไม่ได้รูป หน้าไม่เต็ม เช่น ขมับตอบ หน้าตอบ ใต้ตาโบ๋ใต้ตาลึก ร่องแก้มลึก ก็ไปเติมให้ปัญหาแต่ละจุดนั่นเติมเต็มขึ้น ให้หน้าในส่วนที่ขาดหายไปนั่นเต็มขึ้นละมุนขึ้นอย่างแน่นอน
โบท็อก (Botox) : จะช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอย รอยที่เกิดจากการที่เราแสดงสีหน้าและอารมณ์มากเกินไปเป็นร่องรอย เช่น รอยย่นตรงหน้าผาก รอยตีนกา รอยย่นตรงหว่างคิ้วเวลาขมวดคิ้ว การที่เราแสดงสีหน้าเวลาคุยกับเพื่อนมากเกินไปก็จะเกินร่องรอยทิ้งไว้ ฉีดโบท็อกก็สามารถแก้ได้เฉพาะตรงจุดเลย หรือตรงกรามที่ใหญ่ปัญหาหน้าบานเราก็สามารถฉีดโบท็อกช่วยได้
ทำทั้งคู่เลยได้มั้ย อันตรายไหม ?
สามารถทำได้และไม่เป็นอันตราย เพราะแต่ละบริเวณปัญหาแต่ละจุดที่เราจะฉีดฟิลเลอร์ และ ฉีดโบท็อก คนละจุดกันอยู่แล้ว จะเห็นได้บ่อยในหลายๆ กรณี ฉีดโบท็อกเป็นการลบจุดด้อย ส่วนฉีดฟิลเลอร์เสริมจุดดีให้ละมุน ซึ่งโดยปกติคุณหมอที่ Juvenile Clinic จะช่วยประเมินใบหน้าให้ก่อนทำ เพื่อให้รู้ว่าเราจะเหมาะกับอะไรมากที่สุด
ความแตกต่างระหว่าง Filler กับ Botox
ฉีดโบท็อก ฉีดฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร? ผู้ที่กำลังต้องการรักษาปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า มักจะลังเลว่าควรฉีดฟิลเลอร์ หรือฉีดโบท็อกดี เนื่องจากทั้งสองอย่างสามารถรักษาริ้วรอยได้ทั้งคู่ ที่จริงแล้ว แม้ทั้งสองหัตถการจะสามารถรักษาปัญหาริ้วรอยได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเหมือนกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างสำคัญอยู่หลายประการ เช่น
1.วิธีการทำงานในการแก้ไขริ้วรอย
การแก้ไขริ้วรอยของทั้งสองอย่าง มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน ฉีดโบท็อกจะไปออกฤทธิ์ที่กล้ามเนื้อ ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุของรอยเหี่ยวย่น ส่วน ฉีดฟิลเลอร์จะทำงานโดยการไปเติมเต็มส่วนที่หายไป ทั้งคอลลาเจน อิลาสติน ไฟเบอร์ในผิวหนัง รวมถึงกระดูกที่หายไปด้วย
2.ต้นเหตุปัญหาริ้วรอยที่แต่ละอย่างสามารถรักษาได้
ทั้งการฉีดโบท็อกและฉีดฟิลเลอร์ สามารถใช้เพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้เหมือนกัน แต่ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาจากสาเหตุที่ต่างกันโบท็อกจะแก้ไขปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากกล้ามเนื้อ โดยการออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อทำลายได้น้อยลง ส่วนฟิลเลอร์จะแก้ปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากโครงสร้างผิวและกระดูกที่เปลี่ยนไป โดยการเติมเต็มส่วนที่หายไป ทำให้ผิวหนังกลับมาเต่งตึงได้ดังเดิม
ร่องแก้ม เป็นปัญหาริ้วรอยอีกจุดหนึ่งที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยการฉีดโบท็อกได้ เพราะการฉีดโบท็อกร่องแก้มจะทำให้มุมปากตก ยกยิ้มไม่ขึ้น หรือยิ้มเบี้ยวได้”
3.ข้อจำกัดในการรักษา
การฉีดฟิลเลอร์และฉีดโบท็อก มีข้อจำกัดในการรักษาที่ต่างกันไปตามตัวยาที่ใช้ฉีด และผลกระทบจากการรักษา โดยผู้ที่ไม่ควรฉีดฉีดฟิลเลอร์และฉีดโบท็อกด้วยเหตุผลเกี่ยวกับตัวยา มีดังนี้
ผู้ที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ผู้ที่มีอาการอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณผิวหนัง
- ผู้ที่แพ้กรดไฮยาลูโรนิก หรือแพ้ยาชาในฟิลเลอร์บางรุ่น (Lidocaine)
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด และไม่สามารถหยุดยาที่ส่งผลกับการแข็งตัวของเลือดได้เนื่องจากปัญหาด้วยสุขภาพ
ผู้ที่ไม่ควรฉีดโบท็อก
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ผู้ที่แพ้โบท็อก
- ผู้ที่กล้ามเนื้อดื้อโบท็อก ทำให้ฉีดโบท็อกแล้วไม่ได้ผล
ฉีดฟิลเลอร์ และ โบท็อก ที่คลินิกไหนดี?
สำหรับคนไข้ที่จะไปฉีดฟิลเลอร์และฉีดโบท็อกควรคำนึงถึงสองปัจจัยหลัก ๆ คือ 1.คลินิก 2.ทีมแพทย์ เพราะคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์จริง ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์ที่ออกมาจะตรงใจคุณ คุณสนใจฉีดฟิลเลอร์ สามารถติดต่อเข้ามาที่ Juvenile Clinic ได้เลยทันที พวกเราขอดูแลสุขภาพผิวให้คุณ อย่างครบวงจร